แนวข้อสอบเอกการเงินการธนาคาร

อัพเดตเมื่อ : 27 Apr 2024 12:45
หน่วยงาน : กรมบังคับคดี

ข้อสอบ หลักการบัญชี

คำสั่ง    ให้เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว

1.   การบัญชี หมายถึง   
(1) การจัดทำบัญชีรับจ่ายเงินสด
(2) การจัดหาข้อมูลทางการเงินของกิจการค้า  
(3) การจดบันทึก รวบรวม และสรุปผลข้อมูลทางการเงิน
(4) การจดบันทึก การจำแนก การสรุปผล และการรายงานเกี่ยวกับการเงิน โดยใช้หน่วยเงินตรา  รวมทั้ง การแปลความหมายของผลการปฏิบัติ       
(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ ข้อ 4.   การบัญชี (Accounting)   หมายถึง การจดบันทึกรายการหรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ    การเงิน ไว้ในรูปของเงินตรา จัดแยกหมวดหมู่ของรายการที่บันทึก สรุปผล และวิเคราะห์ความหมายของ รายการที่ได้จดบันทึกไว้ โดยจัดทำในรูปของรายงานการเงิน

2.    งบดุลของกิจการค่าจะแสดงถึง

(1)       ผลการดำเนินงานในงวดหนึ่ง ๆ ของกิจการค้า       

(2)       ฐานะการเงินของกิจการค้า ณ วันใดวันหนึ่ง

(3)       สินทรัพย์ หนี้สิน และทุนในรอบระยะเวลาหนึ่ง ๆ ของกิจการค้า

(4)       ส่วนของเจ้าของ ณ วันใดวันหนึ่ง 

(5)       ถูกทุกข้อ

ตอบ ข้อ2.   งบดุล (Balance Sheet)   คือ งบที่แสดงฐานะของกิจการ ณ วันใดวันหนึ่งว่า กิจการมีสินทรัพย์ หนี้สิน และทุนจำนวนเท่าใด

3.    งบกำไรขาดทุนของกิจการค้า แสดงถึง

(1) ผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาการดำเนินงานหนึ่ง ๆ ของกิจการค้า

(2) ฐานะการเงินของกิจการค้า ณ วันใดวันหนึ่ง

(3) ผลการดำเนินงานกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ ณ วันสิ้นปี

(4) การเปรียบเทียบระหว่างรายได้กับค่าใช้จ่ายในแต่ละปี          

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ ข้อ 1งบกำไรขาดทุน (Income Statement)   คือ งบที่แสดงผลการดำเนินงานของกิจการ ณ งวด บัญชีหนึ่ง ๆ   ว่ากิจการมีรายได้และค่าใช้จ่ายเท่าไร ถ้ารายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายผลต่างคือกำไร

 

4.    กิจการหนึ่งมีสินทรัพย์ 100,000 บาท และมีส่วนของเจ้าของ 60,000 บาท กิจการมีหนี้สินเท่าใด
(1)  160,000 บาท                 (2)  100,000 บาท                (3)  60,000 บาท            
(
4)  40,000 บาท                   (5)  ผิดทุกข้อ

ตอบ ข้อ 4.   จากสมการบัญชี
   
             สินทรัพย์รวม
                                     =    หนี้สินรวม + ทุน (ส่วนของเจ้าของ)


   100,000                                           =     40,000 + 60,000

5.    สมการบัญชีที่ถูกต้อง คือ

(1)       สินทรัพย์ =  หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ

(2)       สินทรัพย์ – ค่าใช้จ่าย    =  หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ + รายได้

(3)       สินทรัพย์ + หนี้สิน        =  ส่วนของเจ้าของ        

(4)       ถูกทั้งข้อ  1 และข้อ 3     

(5)       ถูกทุกข้อ

ตอบ ข้อ 1.                 สินทรัพย์ =  หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ

6.    เมื่อเจ้าของนำสินทรัพย์มาลงทุนจะมีผลกระทบต่อสมการบัญชีคือ

(1)       ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นและส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น

(2)       ทำให้สินทรัพย์ลดลงและส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น 

(3)       ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นและหนี้สินลดลง

(4)       ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นและส่วนของเจ้าของลดลง 

(5)       ทำให้สินทรัพย์ลดลงและส่วนของเจ้าของลดลง

ตอบ ข้อ 1.  การบันทึกรายการบัญชีเมื่อเจ้าของกิจการนำทรัพย์สินมาลงทุน

เดบิท   บัญชีประเภทสินทรัพย์      xx                       สินทรัพย์เพิ่ม

          เครดิต   บัญชีประเภททุน            xx                       ทุนเพิ่ม

7.    เมื่อซื้อสินทรัพย์เป็นเงินเชื่อ จะมีผลกระทบต่อสมการบัญชีคือ

(1)       ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นและส่วนของเจ้าของลดลง 

(2)       ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นและหนี้สินเพิ่มขึ้น

(3)       ทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้นและหนี้สินลดลง

(4)       ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นและส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น

(5)       ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นและสินทรัพย์ลดลง

ตอบ ข้อ 2.           การบันทึกรายการบัญชีเมื่อซื้อสินทรัพย์เป็นเงินเชื่อ

 

เดบิท   บัญชีประเภทสินทรัพย์      xx                             สินทรัพย์เพิ่ม

เครดิต   บัญชีประเภทหนี้สิน   xx                         หนี้สินเพิ่ม

8.    เมื่อจ่ายชำระหนี้สิน จะมีผลกระทบต่อสมการบัญชีคือ

(1)       ทำให้สินทรัพย์ลดลงและหนี้สินลดลง

(2)       ทำให้หนี้สินลดลงและส่วนของเจ้าของลดลง

(3)       ทำให้สินทรัพย์ลดลงและส่วนของเจ้าของลดลง

(4)       ทำให้หนี้สินลดลงและทรัพย์สินเพิ่มขึ้น

(5)       ทำให้เจ้าหนี้ลดลงและเงินสดเพิ่มขึ้น

ตอบ ข้อ 1.   การบันทึกรายการบัญชีเมื่อจ่ายชำระหนี้สิน 

เดบิท   บัญชีประเภทหนี้สิน                          xx               หนี้สินลด

เครดิต   บัญชีประเภทสินทรัพย์            xx               สินทรัพย์ลด

9.    เมื่อเก็บเงินจากลูกหนี้ จะมีผลกระทบต่อสมการบัญชีคือ

(1)       ทำให้เงินสดเพิ่มขึ้นและหนี้สินลดลง

(2)       ทำให้สินทรัพย์เพิ่มและสินทรัพย์ลดลง

(3)       ทำให้สินทรัพย์เพิ่มและส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น

(4)       ทำให้สินทรัพย์เพิ่มและส่วนของเจ้าของลดลง

(5)       ทำให้เงินสดเพิ่มขึ้นและเจ้าหนี้ลดลง

ตอบ ข้อ 2.   การบันทึกรายการบัญชีเมื่อเก็บเงินจากลูกหนี้

เดบิท   บัญชีประเภทสินทรัพย์        xx                                   สินทรัพย์เพิ่ม

เครดิต   บัญชีประเภทสินทรัพย์     xx                           สินทรัพย์ลด

10.   หลักการของระบบบัญชีคู่คือ
(1) การจดบันทึกรายการค่าลงในสมุดรายการขั้นต้น
(2) การจดบันทึกรายการค่าลงในบัญชีแยกประเภท
(3)  การจดบันทึกรายการค่าทุกรายการจะต้องบันทึกในบัญชีไม่น้อยกว่าสองบัญชีด้วยจำนวนเงินด้านเดบิทและเครดิตเท่ากัน
(4)  การจดบันทึกรายการค่าต้องบันทึกทั้งสองด้านคือด้านเดบิทและด้านเครดิต   
(5) ถูกทั้งข้อ  1 และข้อ 2
ตอบ ข้อ 3.   หลักการของระบบบัญชีคู่ (Double - Entry Accounting)   หมายถึง เมื่อมีรายกาทางการค้าเกิดขึ้นทุกรายการต้องนำมาบันทึกไว้ในบัญชีสองด้าน คือ ทางด้านเดบิทและทางด้านเครดิต ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทั้งสองด้าน แต่จำนวนบัญชีที่ลงนั้นไม่จำเป็นต้องเท่ากัน  กล่าวคือ อาจ บันทึกทางด้านเดบิทเพียงบัญชีเดียว แต่บันทึกทางด้านเครดิตสองหรือสามบัญชีก็ได้

 

ความลับการเป็นข้าราชการมาถึงมือท่านแล้ว


***
  แนวข้อสอบมีทั้งหมด 2 แบบ  ***

           - แบบปริ้นอ่านได้เลย ราคาเพียง 399 บาท ( ได้รับเนื้อหา หลังโอน 1-3 ชั่วโมง )

           - แบบหนังสือ+MP3 ราคา 699 บาท  (ได้รับ 1-2 วันทำการ)  ( ส่งฟรี J&T )
>รวบรวมจากผู้สอบติดอันดับต้นๆ เจาะข้อสอบเข้างานราชการ <<

>> (Book) สรุปสาระสำคัญ อ่านกระชับเวลา ไม่สับสน เข้าใจง่าย ออกชัวร์ๆ แม่นยำ <<
>> (New) รวบรวมจากรุ่นพี่ที่สอบได้อันดับต้นๆ+เจาะลึกตรงประเด็น เก็งข้อสอบ <<
>> (Pdf) แนวข้อสอบพร้อมเฉลย+เนื้อหาสรุปเรียบร้อย ประหยัดเวลาในการอ่าน <<

 

แนวข้อสอบเรื่องการเงิน

1. แหล่งเงินทุนใดต่อไปนี้เป็นแหล่งเงินทุนจากภายในกิจการ

ก.   พันธบัตร                         ข.   หุ้นบุริมสิทธิ

ค.   หุ้นสามัญ                         ง.   กำไรสะสม

จ.   ข้อ  ข.  ค.  และ  ง.  ถูก

ตอบ  ง.   กำไรสะสม

2. Cash  Flows  Statement  หมายถึง  การศึกษากระแสการไหลเข้าออกของ

ก.   เงินสดในอดีต                     ข.   เงินสดในปัจจุบัน

ค.   เงินสดในอนาคต                  ง.   งบกระแสเงินสด

จ.  ถูกทั้งหมด

ตอบ  ก.   เงินสดในอดีต  

3. Business  Risk  เกิดจากการทำหน้าที่ใด

ก.   การวางแผนทางการเงิน         ข.   การตัดสินใจจัดหาเงินทุน

ค.   การตัดสินใจใช้เงิน                ง.   การควบคุมการเงิน

จ.  ถูกทั้งหมด

ตอบ    ค.   การตัดสินใจใช้เงิน               

4. ข้อใดคือสินค้าคงเหลือ

ก.   Merchandise                       ข.   Goods

ค.   Product                              ง.   Inventory

จ.  ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ  ง.    Inventory

5. ข้อใดคืองบประมาณการลงทุน

ก.   Gapital  Investment                  ข.   Capital  Budgeting

ค.   Capital  Expenditure                 ง.   ถูกทั้งหมด

จ.  ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ  ข.   Capital  Budgeting

จงใช้ข้อมูลตอบคำถามข้อ  6 - 15

เงินสด

หลักทรัพย์ระยะสั้น

ลูกหนี้

สินค้า

สินทรัพย์ถาวรสุทธิ

 

24,000

12,000

20,000

……...

64,000    

เจ้าหนี้การค้า

ตั๋วเงินจ่าย

ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย

หุ้นสามัญ

กำไรสะสม

………..

10,0000

18,000

………..

36,000

บริษัท  มียอดขาย  (ขายเชื่อ  100%)  200,000  บาท  Gross  Profit  Margin  20%  Net  Profit  Margin 5,  Tax  Rate  20% ,  ดอกเบี้ยสุทธิ  4,500  บาท , Return  on  Asset  8% ,  Debt  to  Net  Worth  0.5

6.  ต้นทุนขายเท่ากับเท่าใด

ก.   40,000   บาท                 ข.   160,000  บาท

ค.   200,000  บาท                ง.   10,000  บาท

จ.  ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ  ข.   160,000  บาท

7. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเท่ากับเท่าใด

ก.   10,000   บาท                  ข.   27,500  บาท

ค.   23,000  บาท                   ง.   2,500  บาท

จ.  ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ  ค.   23,000  บาท                

8.  ปีนี้บริษัทเสียภาษีเท่าใด

ก.   10,000   บาท                 ข.   6,000  บาท

ค.   2,400  บาท                   ง.   2,500  บาท

จ.  ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ  ง.   2,500  บาท

9.  กำไรสุทธิเท่ากับเท่าใด

ก.   10,000   บาท                ข.   12,500  บาท

ค.   17,000  บาท                 ง.   12,000  บาท

จ.  ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ  ก.   10,000   บาท   

10. Interest  Coverage  Ratio  เท่ากับเท่าใด

ก.   3.78   เท่า                 ข.   2.74   เท่า

ค.   1.45   เท่า                 ง.   8.00   เท่า

จ.  ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ  ก.   3.78   เท่า

อัตราส่วนคุ้มครองดอกเบี้ยจ่าย =  (กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี) / (ดอกเบี้ยจ่าย)

                                        =   17,000  /  4,500           =  3.72

 

 

แนวข้อสอบข้อสอบความรู้เรื่องการเงิน

คำสั่ง  จงพิจารณาคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว

1. เงินตราต่างประเทศเป็นเงินได้พึงประเมินต้องคำนวณเป็นเงินตราไทย โดยอ้างอิงคำนวณเป็นเงินตราไทย โดยอ้างอิงการคำนวณเป็นเงินตราไทยจากที่ใด

            ก.  ธนาคารแห่งประเทศไทย

            ข.  ธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์

            ค.  ธนาคารกลางโลก

            ´ ข้อ ก. และ ข. ถูกต้อง

ตอบ    ´ ข้อ ก. และ ข. ถูกต้อง

2.  เงินตราต่างประเทศที่เป็นเงินได้พึงประเมินต้องคำนวณเป็นเงินตราไทย ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเมื่อใด

            ก.  อัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละวัน

            ข.  อัตราการแลกเปลี่ยนในวันถัดไป

            ค.  อัตราการเปลี่ยนในทุกวันจันทร์ต่อสัปดาห์ ของตลาดหลักทรัพย์

            ง.  อัตราการเปลี่ยนในทุกวันศุกร์สุดสัปดาห์  ของตลาดหลักทรัพย์

ตอบ    ข.  อัตราการแลกเปลี่ยนในวันถัดไป

3. กรณีที่ใช้อัตราการแลกเปลี่ยนของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธนาคารพาณิชย์ต้องใช้เพียงธนาคารใด ธนาคารหนึ่งเพียงธนาคารเดียว หากต้องการเปลี่ยนธนาคารที่อ้างอิงอัตราการแลกเปลี่ยนต้องอนุมัติจากผู้ใด

            ก.  อธิการบดีสรรพากร

            ข.  ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

            ค.  รัฐมนตรีการกระทรวงการคลัง

            ง.  ปลัดกระทรวงการคลัง

ตอบ    ก.  อธิการบดีสรรพากร

4.  รางวัลที่ได้จากการชิงโชค เป็นเงินพึงประเมินรูปแบบใด

            ก.  ทรัพย์สินซึ่งอาจคิดคำนวณเป็นเงินได้

            ข.  ไม่มีการประเมินใดๆในรางวัล

            ค.  ประโยชน์ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน

            ง.  ทรัพย์สินหรือรางวัลได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษี

ตอบ    ก.  ทรัพย์สินซึ่งอาจคิดคำนวณเป็นเงินได้

5.  บ้านพักที่จัดให้อยู่ฟรี จัดเป็นเงินได้พึงประเมินรูปแบบใด

            ก.   ทรัพย์สินซึ่งอาจคิดคำนวณเป็นเงินได้

            ข.  ประโยชน์ซึ่งอาจคำคำนวณได้เป็นเงิน

            ค.  ทรัพย์สินหรือรางวัลได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษี

            ง.  ถูกทุกข้อ

ตอบ    ข.  ประโยชน์ซึ่งอาจคำคำนวณได้เป็นเงิน

6.  ได้รับค่าตอบแทนเป็น “หุ้น” จัดเป็นเงินได้พึงประเมินรูปแบบใด

            ก.  ทรัพย์สินซึ่งอาจคิดคำนวณเป็นเงินได้

            ข.  ประโยชน์ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน

            ค.  ค่าตอบแทน ที่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษี

            ง.  ถูกทุกข้อ

ตอบ    ก.  ทรัพย์สินซึ่งอาจคิดคำนวณเป็นเงินได้

 

7.  แหล่งเงินได้ของผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 41พิจารณาอย่างไร

ก. เงินได้เกิดจากแหล่งในประเทศ คือหน้าที่การงานกิจกรรม ทรัพย์สิน หรือ กิจการของนายจ้างที่เกิดขึ้น  สืบเนื่องหรือเกิดในประเทศไทย

ข. เงินได้เกิดจากแหล่งนอกประเทศ คือหน้าที่การงาน กิจการงานหรือทรัพย์สินในต่างประเทศ  โดยประกอบด้วยองค์ประกอบ 2 ประการ คือผู้อยู่ในประเทศไทยในปีภาษีนั้นและนำเงินได้เข้ามาในประเทศในปีภาษีนั้น

ค.  ถูกทั้งสองข้อ

ง.  ไม่มีข้อใดถูกต้อง

ตอบ    ค.  ถูกทั้งสองข้อ

8. ผู้อยู่ในประเทศ ตามประมวลรัษฎากร หมายถึงผู้ที่อยู่ในประเทศเป็นระยะเวลานานเท่าใด

            ก.  ผู้อยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลา ไม่จำกัดระยะเวลา

            ข.  ผู้ที่อยู่ในประเทศไทยเวลาหนึ่งหรือ หลายเวลารวมทั้งหมดถึง 3 เดือนขึ้นไป

            ค.  ผู้ที่อยู่ในประเทศในเวลาหรือ หลายเวลารวมทั้งหมดถึง 180 วัน

            ง.  ไม่มีข้อถูก

ตอบ    ค.  ผู้ที่อยู่ในประเทศในเวลาหรือ หลายเวลารวมทั้งหมดถึง 180 วัน

Untitled Document

แชร์ข่าวนี้

ข่าวอื่นๆ